วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เรื่องกาแฟ (ภาคต่อ 4) การบดกาแฟ

         เมื่อเราได้คั่วกาแฟเสร็จแล้วตามขั้นต้อนในบทความที่แล้ว ก็นำกาแฟที่ได้มาเข้าสู่กระบวนการบด ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 แบบด้วยกันตามตารางด้านล่าง โดยในแต่ละการบดก็จะมีการชงที่แตกต่างกันออกไปเพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่หลากหลาย



แบบกด
แบบต้ม
แบบกรอง
เครื่องชง
เวลาที่ใช้ในการบด
บดหยาบ*8-10 วินาที
บดหยาบปานกลาง*12-15 วินาที
บดละเอียด*20-25 วินาที
บดละเอียดมาก*25-30 วินาที
เวลาใช้ในการชง4-6 นาที4-6 นาที1-4 นาที10-20 วินาที
ปริมาณน้ำกาแฟ/ถ้วย4 ออนซ์2 ออนซ์2 ออนซ์2 ออนซ์
เครื่องบดกาแฟ
            อุปกรณ์ที่ใช้ในการชงมีหลายชนิด แต่ละชนิดย่อมต้องการการบดเมล็ดกาแฟที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องใช้เครื่องบดให้มีความสัมพันธ์กับการชง ในอดีตการบดใช้วิธีการตำในครก ต่อมาได้มีการประดิษฐ์เครื่องบดด้วยมือ ปัจจุบันมีเครื่องบดกาแฟไฟฟ้า ที่สามารถบดกาแฟได้เองที่บ้าน
            เครื่องบดที่แนะนำให้ใช้ คือ เครื่องบดไฟฟ้า ที่สามารถปรับความหยาบและความละเอียดของการบดได้ ถ้าอยากประหยัดงบประมาณ ให้ใช้แบบครกไฟฟ้า แต่จะต้องฝึกฝนให้ชำนาญกับเครื่องบดกาแฟชนิดต่าง ๆ ซึ่งสามารถเรียนรู้ได้ง่าย แต่ถ้าในกรณีที่ไม่มีเครื่องบดใช้ ก็ให้ทางร้าน ที่ขายเมล็ดกาแฟคั่ว บดให้ อย่าลืมบอกผู้ขายด้วยว่าใช้เครื่องชงชนิดใด เพื่อที่ผู้ขายจะได้บดให้ถูกต้อง และถ้าเจอร้านที่บดกาแฟให้ออกมาเป็นแบบเดียวกันหมดโดยไม่สนใจว่าใช้เครื่องชงชนิดใด ก็เป็นการเตือนให้ทราบว่า ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนไปซื้อร้านใหม่แล้ว
ข้อควรจำในการบดกาแฟ
           1. เมล็ดกาแฟที่ยิ่งบดละเอียด โอกาสที่เนื้อกาแฟจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนและสัมผัสกับน้ำมีมากขึ้น ดังนั้น ระยะเวลาที่จะชงและกรองกากกาแฟ จักต้องใช้เวลาน้อย
            2. ถ้ากาแฟบดหยาบ ปริมาณเนื้อกาแฟจะสัมผัสกับอากาศและน้ำน้อยลง การชงก็ต้องใช้เวลามากขึ้น
คำแนะนำในการเก็บรักษากาแฟที่บดแล้ว
             1. ไม่ควรเทหรือเปลี่ยนกาแฟที่บดแล้วจากขวดหนึ่งไปยังอีกขวดหนึ่งโดยไม่จำเป็น เพราะการทำเช่นนี้ เป็นการทำให้กาแฟเสียเร็วเนื่องจากถูกอากาศ
             2. พยายามเก็บรักษากาแฟไว้ในขวดสูญญากาศที่มีขนาดพอเหมาะกับปริมาณกาแฟ ไม่ควรให้มีช่องว่างระหว่างฝาปิดกับตัวเนื้อกาแฟมากเกินไป
             3. ไม่ควรเก็บกาแฟที่บดแล้วในช่องแช่แข็ง แต่ควรนำกาแฟที่บดแล้วในปริมาณไม่มากใส่ถุงพลาสติกสูญญากาศและรีดไล่อากาศออกให้หมด และเก็บไว้ในตู้เย็นในช่องธรรมดา
              4. การเก็บรักษากาแฟที่ดีที่สุด คือ ซื้อกาแฟในปริมาณพอชงทานในหนึ่งสัปดาห์และบดในปริมาณพอชงต่อครั้ง
การเลือกซื้อเครื่องบดกาแฟ 
ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้กาแฟของคุณมีรสชาติที่ดี มาดูกันวันปัจจัยในการเลือกซื้อเครื่องบดกาแฟนั้นมีข้อสังเกตุอะไรกันบ้าง
ปัจจัยในการเลือกซื้อ
1. เลือกเครื่องบดให้ดีเพราะเครื่องบดกาแฟส่งผลโดยตรงกับรสชาติกาแฟโดยตรงเครื่องบดกาแฟต้องมีบดแบบ BURR type จานบด ไม่ควรบดกาแฟโดยใช้ใบมีดบดกาแฟ (เครื่องปั่นน้ำผลไม้) เพราะจะได้กาแฟที่มีความละเอียดไม่สม่ำเสมอ และควรศึกษาวิธีการปรับความละเอียดหยาบของกาแฟและตรวจดูความละเอียดหยาบกาแฟสม่ำเสมอ 

2.อย่าเลือกเครื่องบดที่มีขนาดเล็กเกินไป เครื่องชงกาแฟขนาดเล็กชงกาแฟออกมาได้คุณภาพดีต่อเนื่องตราบใดที่เครื่องสะอาดและคุณตรวจดูอุณหภูมิหม้อต้มพร้อมชง แต่เครื่องบดหากบดมากจนเกินไป จะยิ่งบดช้าฟันบดยิ่งร้อน  มอเตอร์บดก็ยิ่งร้อน ส่งผลให้ผงกาแฟร้อนขึ้นหรือบางครั้งกาแฟจะไหม้ ผงกาแฟที่ร้อนจะคลายกลิ่นออกมาเร็วกว่ากาแฟบดที่ไม่ร้อน ทำให้คุณภาพกาแฟเสื่อมเร็ว และควบคุณความละเอียดได้ยากขึ้น หรือยกตัวอย่างง่ายๆคือเครื่องบดกาแฟยิ่งเล็กก็ยิ่งบดกาแฟได้เพี้ยน ไม่สม่ำเสมอ ส่งผลต่อรสชาติกาแฟโดยตรง

 3. การเลือกเครื่องบดกาแฟสำคัญมากซื้อเผื่อรองรับงานได้สูงไว้เป็นดีในบางครั้งยอดกาแฟขายกาแฟที่สูงขึ้นนั้นคนชงกาแฟและเครื่องชงกาแฟอาจยังรองรับการชงขายทันอยู่ แต่เครื่องบดกาแฟอาจรองรับการบดกาแฟสูงไม่ทัน และผลที่ตามมาของจานบดกาแฟร้อนและส่งผลทันทีต่อกาแฟที่ชงออกไปทุกถ้วย หรือในเครื่องบดกาแฟบางรุ่นจะมีระบบตัด
เมื่อเครื่องบดทำงานหนักจนเกินไปซึ่ง เครื่องบดจะตัดบ่อยครั้งในเครื่องบดที่มีจานบดเล็กเพราะจานบดประเภทนี้จะร้อนเร็วกว่าจานขนาดใหญ่

 4. เลือกเครื่องบดโดยดูระดับเสียงเพราะสำคัญเช่นกันทำเลบางทำเลมีการควบคุมระดับเสียง ทำให้เครื่องบดบางประเภทเสียงที่ดังไม่สามารถใช้ได้ดังนั้น ควรสอบถามพื้นที่ขายว่าจำกัดเสียงหรือไม่ก่อนเลือกเครื่องบดกาแฟ  พื้นที่จำกัดเสียง เช่น โรงพยาบาล, คลีนิค, ออฟฟิต

 5. ควรเลือกเครื่องบดกาแฟที่ต้องมีฟิวส์ตัดความร้อนเครื่องบดที่มีฟิวส์จะตัดการทำงานทันที หากคุณใช้งานเกินศักยภาพ เพื่อป้องกันมอเตอร์ไหม้ และเมื่อเครื่องเย็นตัวลงก็พร้อมจะกับมาทำงานเช่นเดิม อย่างไรก็ตามเครื่องบดกาแฟขนาดกลางขึ้นไปนั้นจะมีพื้นฐานการติดตั้งระบบตัดความร้อนในตัวอยู่แล้ว
6. ควรเลือกเครื่องบดที่จานบดใหญ่ควรสัมพันธ์กับมอเตอร์ด้วยจานบดกาแฟขนาดใหญ่มักบดกาแฟออกมาเร็ว และตัวจานจะร้อนช้ากว่าเครื่องบดที่มีจานบดเล็กกว่า  จานบดที่ร้อนส่งผลให้มอเตอร์ร้อนตามไปด้วย 

7. ถึงเวลาต้องเปลี่ยนจานบดก็ควรเปลี่ยน
เมื่อไม่คม จะบดกาแฟช้าทำให้มอเตอร์บดหมุนทำงานหนักและบดนาน กว่าจะได้ผงกาแฟ ดังนั้นกาเปลี่ยนจานบดย่อมประหยัดกว่าเปลี่ยนมอเตอร์บด จานบดกาแฟประเภทเหล็ก ขนาดเล็กกว่า 60 มม. จะมีอายุการบดกาแฟ ต่ำกว่า 300 กก.จานบดกาแฟประเภทเหล็ก ขนาด 60 มม.จะมีอายุการบดกาแฟประมาณ 300-400 กก.จานบดกาแฟประเภทเหล็ก ขนาด 65 มม. จะมีอายุการบดกาแฟประมาณ 400-600 กก. 

8. วัสดุจานบดเรียงตามความทนทานเซลามิค  < เหล็ก < เหล็กผสม < ไททาเนี่ยม < ทังสแตนคาบาย
อย่าไรก็ตามจานบดกาแฟอย่างไททาเนี่ยมจะมีอายุรองรับงานบดถึง 2 เท่าของจานบดประเภทเหล็กผสม แต่ก็มีราคาสุงมากเช่นกัน




          


การเลือกซื้อก็แล้วแต่งบประมาณของแต่ละคนนะครับว่ามีงบขนาดไหน คิดจะลงทุนทำธุรกิจอะไรซักอย่างหนึ่งก็ต้องคำนวญเงินในกระเป๋าเราดูก่อนนะครับว่ามีมากน้อยขนาดไหน ช่องทางธุรกิจไปได้ดีใหม การเติบโตของธุรกิจดีหรือเปล่า สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาดขนาดไหน ก็ขอให้ประสบความสำเร็จในทำธุรกิจในทุกคนนะครับ           
                                                                                                                ขอบคุณที่ติดตาม 

******************************************************************************
ส่งท้ายประจำด้วย เพลงครับ ความรักไม่มีเงื่อนไขไดๆ  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น