วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เรื่องราวของกาแฟ ( ภาคต่อ1 )

สายพันธุ์กาแฟ          

             ในบทความที่แล้วผมก็ได้เขียนถึงประวัติและความเป็นมาของกาแฟ ไปบ้างแล้ว อันที่จริงไม่ได้เขียนเองแต่ไปเอาข้อมูลมาจาก WIkipedia ซึ่งมีข้อมูลที่หลากหลายและครอบคลุม แต่สำนวนในการใช้ของเวปนี้อาจจะออกไปทางตะวันตกไปซักนิด เพราะเป็นเวปของต่างชาติเขา ในบทความนี้ผมก็จะนำเสนอข้อมูลของ สายพันธุ์กาแฟ ที่นิยมนำมาบริโภคมากที่สุด จากที่ทราบกันมาในบทความที่แล้วว่ากาแฟนั้นมีหลายสายพันธ์พอสมควรแต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือพันธุ์ อริบิก้า ซึ่งเมื่อนำมาคั่วแล้วบดนั้นจะได้กาแฟที่มีคุณภาพและมีกลิ่นหอม รสชาติดี อันที่จริงแล้วตัวผมเองไม่ได้มีความรู้เรื่องกาแฟซักเท่าไหร่ เพียงเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟ และนิสัยส่วนตัวเป็นคนที่เบื่ออะไรง่ายๆ ก็เลยหาเรื่องทำไปเรื่อย ถ้ามีเรื่องใดที่พอจะเป็นประโยชน์ กับคนอื่นบ้าง ก็พยายามรวบรวมเรื่องราวต่างมาไว้ในบทความเพื่อผู้ที่สนใจหาความรู้รอบตัวได้มาอ่านแล้วสรุปความได้ในที่เดียวโดยไม่ต้องไปหาข้อมูลจากที่อื่นอีก มาว่ากันที่สายพันธ์กาแฟกัน สายพันธ์หลักมีดังนี้

1. พันธุ์คาทูร่า   ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของกาแฟอาราบิก้าดั้งเดิม
2.พันธุ์ทิปปิก้า   (Typica) มีลักษณะเด่นยอดเป็นสีทองแดง ติดลูกห่างระหว่างข้อ มีใบเล็กเรียบ เจริญเติบโตเร็ว แต่ไม่ทนต่อโรค ฯลฯ เป็นพันธุ์ดั้งเดิม ต้นกำเนิดของกาแฟอาราบิก้าเริ่มปลูกในเยเมน แล้วแพร่หลายไปสู่ประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย อเมริกาใต้ ฟิลิปปินส์และฮาวาย
3.พันธุ์บลูเมาเทน ( Bule Mountion) กลายพันธุ์มาจากพันธุ์ทิปปิก้า นำไปปลูกที่บลูเมาเทนในจาไมก้ามีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมบนภูเขาที่สูง เป็นกาแฟที่มีคุณภาพและรสชาติดีมาก เป็นที่ยอมรับของตลาดผู้บริโภค ถือว่าเป็นกาแฟมีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของโลก จึงมีราคาแพงที่สุดเช่นกัน
4.พันธุ์มอกก้า   (Mocha หรือ Mokka) เป็นกาแฟส่งออกผ่านท่าเรือโมช่า( Mocha) ใช้ชื่อการค้าว่า ม็อกกา ( Mokka) ใประเทศอินโดนีเซีย มีความแตกต่างอย่างมากจากพันธุ์ที่ปลูกในแหล่งเดิม มีเอกลักษณ์กลิ่นหอมผลไม้คล้ายโกโก้ อย่างไรก็ตามพันธุ์นี้มีผลทางเศรษฐกิจน้อยมาก เพราะมีปริมาณผลผลิตจำกัดที่ออกสู่ตลาด
5.พันธุ์โคน่า   (Kona) เป็นที่รู้จักดีสำหรับคอกาแฟในคุณภาพและรสชาติที่ติดอันดับต้นๆของกาแฟทั่ว โลก ตามรูปแบบของกาแฟพันธุ์ทิปปิก้า ได้นำมาจากเมืองริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล มาปลูกในเมืองโคน่า ประเทศฮาวาย ภายใต้ชื่อการค้า "ฮาวายโคน่า"มีราคาที่แพงที่สุดในตลาดโลกเช่นเดียวกับ บลูเมาเทน
6.พันธุ์เบอร์บอน
7.พันธุ์อิคาทู
8.พันธุ์มันโดโนโว

9.พันธุ์คาทุย 
10.พันธุ์คาติมอร์  หรือ พันธุ์อาราบิก้า เป็นการเรียกชื่อพันธุ์มาจากคำว่า คาทูร่า( Catturra) และ ไฮบริโด เดอ ติมอร์ ( Hibrido de Timor) เป็นชื่อเรียกตามการผสมข้ามสายพันธุ์ ระหว่างคาทูร่าผลแดง เป็นต้นแม่พันธุ์ และ ไฮบริโด เดอ ติมอร์เป็นต้นพ่อพันธุ์ ผลการผสมระหว่างลูกผสมข้ามชนิด ทำให้ลูกผสมที่ได้มีความต้านทานต่อโรคราสนิมและได้ลักษณะทรงเตี้ย ผลผลิตสูง และใช้หมายเลข CIFC 19/1 และ 832/1 ซึ่งกำหนดโดยนักปรับปรุงพันธุ์พืชที่ Centro de Investicao das Ferrugens de Cafeeiro (CIFC) ในประเทศโปรตุเกส 
11.พันธุ์โรบัสต้า (Robusta)  ปลูกง่าย ทนต่อโรค และให้ผลผลิตเยอะ ต้นนึงจะได้เมล็ดกาแฟราวๆ  2-3  ปอนด์ต่อปี มีคาเฟอีนราวๆ  2%  ในตลาดกาแฟจะถือว่าเป็นกาแฟคุณภาพต่ำ
ในภัตตาคารหรูๆ จะไม่เสริฟกาแฟพันธุ์นี้.. แต่นิยมเอาไปทำกาแฟสำเร็จรูป หรือนำไปผสมกับพันธุ์อื่นๆ .. กาแฟพันธุ์โรบัสต้าจากเวียตนามเป็นโรบัสต้าพันธุ์เดียวที่คุ้มที่จะลองดื่ม แต่ต้องเตรียมด้วยวิธีการเฉพาะตามแบบของเวียตนาม
โรบัสต้า ปลูกในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่มากนัก ส่วนใหญ่ปลูกในประเทศแถบร้อนชื้น มีรสชาติเข้มข้น หอมฉุนกว่ากาแฟพันธุ์อาราบิก้า มีสัดส่วน ของผลผลิตกาแฟทั่วโลกถึง 25% กาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า เป็นสายพันธุ์ที่มีความทนทานต้านทานโรคสูง ปลูกง่าย ให้ผลผลิตต่อไร่สูง การบำรุงรักษาทำได้ง่าย กาแฟสายพันธุ์นี้มีปริมาณของคาเฟอีนประมาณ 2% นิยมนำไปทำเป็นกาแฟผงหรือกาแฟสำเร็จรูป ( Instant Coffee) รวมไปถึงการนำไปผสมกับสายพันธุ์อื่นเพื่อให้มีรสชาติ กลิ่น ที่แปลกไปจากเดิมหรือที่เรียกว่าเบลนด์กาแฟนั่นเอง
 12.กาแฟพันธุ์ไลเบริกา( Libelica)
เป็นพันธุ์กาแฟที่มาจากแถบแอฟริกา การปลูกและการดูแลรักษาทำได้ง่ายเหมือนโรบัสต้า แต่ราคาจะไม่ดีเท่าอาราบิก้า ผู้คนนิยมดื่มกาแฟ พันธุ์นี้น้อยกว่า อราบิก้าและโรบัสต้า ส่วนมากจะนำกาแฟพันธุ์นี้ไปปรุงพิเศษหรือการผสมรวมกับกาแฟพันธุ์อื่นนั่นเอง เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นตามความต้องการดื่มของแต่ละคน
            จะเห็นได้ว่าสายพันธุ์ของกาแฟนั้นมีเยอะมากมาย แต่กาแฟที่ได้รับความนิยมและเป็นสินค้าเศรษฐกิจ ที่สำคัญนั้นมี แค่ 3 สายพันธ์เท่านั้น ก็คือ อราบิก้า , โรบัสต้า และ ไรเบริก้า
           กาแฟ อราบิก้า ถือว่าเป็นกาแฟที่ดีที่สุด เรียกว่าเป็นราชินีอยุ่บนยอดดอยได้เลยเพราะกาแฟพันธุ์อาราบิก้านี้ปลูกและ ดูแลรักษาค่อนข้างยากลำบากต้องปลูกในที่สูงและอุณหภูมิเหมาะสมจึงจะได้กาแฟ รสดีไม่เพี้ยนไปจากพันธุ์ดั้งเดิม โดยความสูงต้องตั้งแต่ 1000 เมตรขึ้นไปจากระดับน้ำทะเลและมีความลาดเอียงของพื้นที่ปลูกไม่เกิน 30% อุณหภูมิที่พอเหมาะจะอยู่ที่ 15 - 25 องศาเซลเซียส และมีความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 60%
                                                           คิดว่าคงได้รับข้อมูลกันไปพอสมควร ส่วนใครที่อยากจะเรียนรู้แบบวิเคราะห์เจาะลึกลงไปในรายละเอียดของกาแฟ แต่ละสายพันธุ์ ก็ไปแสวงหาความรุ้จากแหล่งเรียนรู้ต่างนะครับ อย่างเช่น จากอินเทอร์เน็ต   จากหนังสือต่างๆ ในบทความนี้ก็คงจะมีเพียงเท่านี้ก่อน หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ของคุณที่ติดตาม ขอให้คุณอิ่มอกอิ่มใจกับกาแฟถ้วยโปรดของคุณนะครับ                                                            


ทุกคนมีปีศาจซ่อนอยู่ในตัวนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น